เพื่อช่วยงานกิจการร้านขายผ้าของลุงที่บอสตัน แต่เขาไม่ชอบงานนี้นัก
จึงหนีลุงไปที่เรือลำหนึ่ง บังเอิญเรือลำนั้นออกจากท่าไป กัปตันเรือมาพบเขาภายหลังจากที่เรือแล่นมาไกลแล้ว กัปตันเรือผู้นี้พาเขาไปฝากที่โบสถ์ โดยมีบาทหลวงริคอร์ด คอยดูแล เขาได้เปลี่ยนศาสนาที่โบสถ์แห่งนี้และได้ชื่อใหม่จากที่นี่นั่นเอง ชาร์ลี ได้ศึกษาที่วิทยาลัยเมโธดิสม์ ทรินิตี้ (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาดุ๊ค) และย้ายไปเรียนต่อจนจบที่ มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ เขากลับสู่จีนในปี 1886 แต่งงานกับหญิงที่นับถือศาสนาเดียวกันมีลูก 6 คน เป็น ชาย 3 คน หญิง 3 คน
เรียงตามลำดับการเกิดดังนี้
1. ซ่งอ้ายหลิง (ลูกสาวคนโต)
2. ซ่งชิงหลิง (ลูกสาวคนรอง)
3. ซ่งจื่อหวุน หรือ ทีวี ซ่ง (ลูกชายคนโต) (รัฐมนตรีคลังและรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน , ผู้ว่าการธนาคารกลางของจีน)
4. ซ่งเหม่ยหลิง (ลูกสาวคนเล็ก)
5. ซ่งจื่อเหลียง (ลูกชายคนรอง) (นักธุรกิจที่นิวยอร์ค)
6. ซ่งจื่ออัน (ลูกชายคนเล็ก) (ประธานกรรมการธนาคารกวางตุ้ง)
สามพี่น้องผู้เกิดในครอบครัวมั่งมีและอบอุ่น ได้รับการศึกษาอย่างดีจากต่างประเทศ โดยที่คุณพ่อจบการศึกษาทางศาสนาจากอเมริกาและกลับมาเป็นหมอสอนศาสนาคริสต์ นิกายออโธดอกซ์ ในขณะที่ดร.ซุนจงซาน孙中山 ผู้เป็นเพื่อนก็เพิ่งจบแพทย์จากอเมริกากลับมา และเป็นผู้นำก่อการโค่นล้มราชวงศ์ชิง清朝การที่ปัญญาชนในสมัยนั้นจำนวนมากออกมาเคลื่อนไหวนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากความไม่พอใจต่อทางราชสำนักที่ใช้จ่ายอย่างฟุ้งเฟ้อ ไม่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน ปล่อยให้อดอยากยากแค้น ส่วนในด้านต่างประเทศก็อ่อนแอจนต้องเฉือนดินแดนให้กับประเทศต่าง ๆยึดครองโดยที่คนจีนเจ้าของประเทศไม่มีสิทธิเข้าไป เป็นการสูญเสียอธิปไตยที่นำความอับอายขายหน้าให้กับชาวจีน
ตระกูลซ่งที่มีฐานะการเงินและทางสังคมอย่างชาลี ซ่ง จึงได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินให้กับ ดร.ซุนจงซานทำการปฏิวัติ และใช้โรงพิมพ์ส่วนตัวที่ปรกติใช้พิมพ์พระคัมภีย์ไบเบิลฉบับภาษาจีนเป็นที่พิมพ์ใบปลิวข่าวสารการปฏิวัติด้วย เมื่อการปฏิวัติเริ่มแพร่กระจายในวงกว้าง ทางรัฐบาลก็ออกจับกุมดร.ซุน ทำให้ดร.ซุนต้องหนีออกนอกประเทศไปพำนักอยู่ในญี่ปุ่น และมีอยู่ช่วงหนึ่งได้เข้ามาประเทศไทยเพื่อขอความสนับสนุนจากชาวจีนโพ้นทะเล โดยพำนักอยู่กับสหายแถวทรงวาด
หลังโค่นล้มราชวงศ์ชิงสำเร็จ ก็ใช่ว่าภาระกิจการปฏิวัติจะสิ้นสุดลง เนื่องจากสังคมจีนเกิดความแตกแยก ฐานะของชาวบ้านแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคใหญ่ของดร.ซุนคือ การขาดกองกำลังของตนเองต้องไปพึ่งพากำลังทหารของพวกขุนศึก ซึ่งต่างก็จ้องหาโอกาสแย่งชิงอำนาจกันอยู่แล้ว จึงไม่วายที่ดร.ซุนถูกกองกำลังขุนศึกที่ตนเองพึ่งพาหันกระบอกปืนใส่ดร.ซุน จนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ขณะที่ซ่งชิ่งหลิง 宋庆 龄 ผู้เป็นภรรยาก็ได้รับบาดเจ็บจนแท้งลูกและมีลูกต่อไปไม่ได้ พวกขุนศึกส่วนใหญ่เป็นกองกำลังที่ไร้ระเบียบวินัย หลายคนได้เป็นผู้นำกองกำ-ลังขึ้นมาเนื่องจากเป็นนักเลงหัวไม้มาก่อน ฉะนั้น การปล้น ฆ่า ชิงทรัพย์มีอยู่ทั่วไป แม้หลุมฝังศพของพระนางฉือซีก็ยังโดนขุดเพื่อปล้นเอาทรัพย์สมบัติที่ฝังไว้ และกล่าวกันว่า มุกที่อยู่ในปากของพระนางฉือซี (ด้วยความเชื่อว่าจะทำให้ศพไม่บุบสลาย) ก็ถูกฉกไปและตอนหลังกลายเป็นเครื่องประดับข้อเท้าของซ่งเหม่ยหลิง 宋美龄 หรือมาดามเจียงไคเชค
สามสาวพี่น้องตระกูลซ่ง ซึ่งจบการศึกษาจากต่างประเทศในช่วงที่สังคมจีนสิ้นสุดราชวงศ์ชิงสู่สังคมสมัยใหม่ ได้นำการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในครอบครัวซ่ง ซึ่งส่งผลต่อสังคมทั้งประเทศจีนด้วย พี่ใหญ่ซ่งอ่ายหลิง 宋蔼龄 ได้แต่งงานกับมหาเศรษฐีข่งเสียงซี 孔祥熙 ทายาทรุ่นที่ 75 ของขงจื่อ 孔子 ซ่งอ่ายหลิงผู้ซื้อ “รักเงิน” ยิ่งกว่าอื่นใดเพราะถือว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง และเขาก็ได้แสดงบทบาทด้วยการใช้เงินในต่างกรรมต่างวาระดังเช่นการออกทุนให้ ดร.ซุนก่อตั้งโรงเรียนทหารฮ๋วงผู่黄蒲 ที่มอบให้เจียงไคเชคซึ่งเป็นลูกน้องที่ได้รับความไว้วางใจเป็นผู้ดูแล หรือในคราวที่เจียงไคเชคถูกจับเป็นตัวประกันที่ซีอาน 西安 หลังถูกปล่อยตัวได้นั่งเครื่องบินมาลงที่หนานจิง 南京 แต่ไฟฟ้าในหนานจิงถูกญี่ปุ่นถลุ่มเสียจนไฟนำร่องของสนามบินใช้การไม่ได้ ซ่งอ่ายหลิงจึงได้ให้สามีติดต่อเพื่อนฝูงซึ่งล้วงแต่เป็นเศรษฐีในหนานจิง 9 ใน 10 คนล้วนรู้จักกับฮาฮาข่ง นำรถยนต์มาจอดเรียงแถว และเปิดไฟหน้ารถเป็นไฟนำร่องให้เครื่องบินลงจอดได้สำเร็จ และกรณีที่แสดงถึงอำนาจของเงินตราคือ หลังจากที่พรรคกั๋วหมิงด่าง 国民党(ก๊กมิ่งตั๋ง) ตกลงยินยอมร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์ เพื่อรบกับญี่ปุ่นแทนที่จะรบกันเอง ก็ซ่งอ่ายหลิงอีกนั่นแหละที่ควักกระเป๋าซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์แจกจ่ายแก่ทหาร หลังจากนั้นทั้งคู่ก็อพยพครอบครัวไปอยู่ฮ่องกงก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์จะมีชัยเหนือกั๋วหมิงต่างของเจียงไคเชค
สาวคนกลางของตระกูลซ่งคือ ซ่งชิ่งหลิง 宋庆 龄เมื่อจบการศึกษากลับจากต่างประเทศก็มาช่วยดร.ซุน เพราะเป็นคนที่ “รักชาติ”มากกว่าอื่นใดโดยทุกสิ่งที่ทำจะคำนึงถึงประเทศชาติก่อน การมาช่วยงานดร.ซุนได้นำไปสู่ความรักและตอนหลังแต่งงานกันที่ประเทศญี่ปุ่น เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างมากกับชาลี ซ่ง ผู้พ่อ จนถึงกับประกาศตัดสัม-พันธ์กับดร.ซุนอย่างเด็ดขาด และกล่าวหาดร.ซุนเป็น “คนลวงโลก”ต่อว่าดร.ซุนว่า “ข้าฯได้ทุ่มเททั้งเงินทองและชีวิตเพื่อเป็นทุนช่วยเหลือในการก่อการปฏิวัติ แต่ไม่ได้หมายถึงให้ลูกสาวเป็นทุนในการปฏิวัติด้วย”
สามสาวพี่น้องตระกูลซ่ง ซึ่งจบการศึกษาจากต่างประเทศในช่วงที่สังคมจีนสิ้นสุดราชวงศ์ชิงสู่สังคมสมัยใหม่ ได้นำการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในครอบครัวซ่ง ซึ่งส่งผลต่อสังคมทั้งประเทศจีนด้วย พี่ใหญ่ซ่งอ่ายหลิง 宋蔼龄 ได้แต่งงานกับมหาเศรษฐีข่งเสียงซี 孔祥熙 ทายาทรุ่นที่ 75 ของขงจื่อ 孔子 ซ่งอ่ายหลิงผู้ซื้อ “รักเงิน” ยิ่งกว่าอื่นใดเพราะถือว่าเงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง และเขาก็ได้แสดงบทบาทด้วยการใช้เงินในต่างกรรมต่างวาระดังเช่นการออกทุนให้ ดร.ซุนก่อตั้งโรงเรียนทหารฮ๋วงผู่黄蒲 ที่มอบให้เจียงไคเชคซึ่งเป็นลูกน้องที่ได้รับความไว้วางใจเป็นผู้ดูแล หรือในคราวที่เจียงไคเชคถูกจับเป็นตัวประกันที่ซีอาน 西安 หลังถูกปล่อยตัวได้นั่งเครื่องบินมาลงที่หนานจิง 南京 แต่ไฟฟ้าในหนานจิงถูกญี่ปุ่นถลุ่มเสียจนไฟนำร่องของสนามบินใช้การไม่ได้ ซ่งอ่ายหลิงจึงได้ให้สามีติดต่อเพื่อนฝูงซึ่งล้วงแต่เป็นเศรษฐีในหนานจิง 9 ใน 10 คนล้วนรู้จักกับฮาฮาข่ง นำรถยนต์มาจอดเรียงแถว และเปิดไฟหน้ารถเป็นไฟนำร่องให้เครื่องบินลงจอดได้สำเร็จ และกรณีที่แสดงถึงอำนาจของเงินตราคือ หลังจากที่พรรคกั๋วหมิงด่าง 国民党(ก๊กมิ่งตั๋ง) ตกลงยินยอมร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์ เพื่อรบกับญี่ปุ่นแทนที่จะรบกันเอง ก็ซ่งอ่ายหลิงอีกนั่นแหละที่ควักกระเป๋าซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์แจกจ่ายแก่ทหาร หลังจากนั้นทั้งคู่ก็อพยพครอบครัวไปอยู่ฮ่องกงก่อนที่พรรคคอมมิวนิสต์จะมีชัยเหนือกั๋วหมิงต่างของเจียงไคเชค
สาวคนกลางของตระกูลซ่งคือ ซ่งชิ่งหลิง 宋庆 龄เมื่อจบการศึกษากลับจากต่างประเทศก็มาช่วยดร.ซุน เพราะเป็นคนที่ “รักชาติ”มากกว่าอื่นใดโดยทุกสิ่งที่ทำจะคำนึงถึงประเทศชาติก่อน การมาช่วยงานดร.ซุนได้นำไปสู่ความรักและตอนหลังแต่งงานกันที่ประเทศญี่ปุ่น เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความไม่พอใจอย่างมากกับชาลี ซ่ง ผู้พ่อ จนถึงกับประกาศตัดสัม-พันธ์กับดร.ซุนอย่างเด็ดขาด และกล่าวหาดร.ซุนเป็น “คนลวงโลก”ต่อว่าดร.ซุนว่า “ข้าฯได้ทุ่มเททั้งเงินทองและชีวิตเพื่อเป็นทุนช่วยเหลือในการก่อการปฏิวัติ แต่ไม่ได้หมายถึงให้ลูกสาวเป็นทุนในการปฏิวัติด้วย”
ดร.ซุน 孙中山
ซ่งเหม่ยหลิงถ่ายเมื่อปี 1910ขณะเรียนอยู่ชั้นประถมในสหรัฐอเมริกา
การที่ซ่งชิ่งหลิงมีอุดมการณ์อย่างแรงกล้าในการสร้างชาติสู่สังคมที่ดีกว่าตัวเองจึงมีชีวิตที่ยากลำบากที่สุด ความขัดแย้งอย่างรุนแรงในหมู่พี่น้องด้วยกันจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากน้องคนเล็กซ่งเหม่ยหลิงตกลงปลงใจแต่งงานกับเจียงไคเชคซึ่งมีอุดมการณ์ต่างกันอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ซ่งชิ่งหลิงพยายามยึดแนวทางของดร.ซุนในการประนีประนอมกับฝ่ายต่าง ๆ เพื่อช่วยกันสร้างชาติ แต่เจียงไคเชคค้านหัวชนฝายังไงก็ไม่ เอาคอมมิวนิสต์และเข่นฆ่าผู้ที่สงสัยจะเป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์ทุกวัน จนซ่งชิ่งหลิงทนไม่ได้ ต้องออกมาประกาศยืนคนละข้างกับเจียงไคเชต และหันไปร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเต็มตัว และตัวเขาเองก็เป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญ ในการบีบบังคับให้เจียงไคเชคต้องจับมือกับพรรคคอมมิวนิสต์สู้รบกับศัตรูร่วมของชาติคือ ญี่ปุ่นผู้รุกราน ดังที่ดร.ซุนกล่าวว่า“ป่วยนอกรักษาง่าย ป่วยในเยียวยายาก” จึงต้องยุติปัญาภายในเพื่อเอาชนะสัตรูของชาติให้ได้ก่อน หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์มีชัยแล้ว ซ่งชิ่ง-หลิงก็ได้เป็นกรรมการในพรรคฯ และเสียชีวิตในกรุงปักกิ่งเมื่อปี 1981โดยขณะที่นอนป่วยใกล้สิ้นใจ ก็ได้ติดต่อไปยังน้องสาว ซ่งเหม่ยหลิงซึ่งขณะนั้นพำนักอยู่ในอเมริกาให้กลับมาเพื่อเห็นหน้ากันครั้งสุดท้าย แต่ก็ไม่มีโอกาส เนื่องจากคนใกล้ชิดซ่งเหม่ยหลิงบอกว่าไม่ควรไปยุ่งกับพวกคอมมิวนิสต์
สาวน้องนุชคนสุดท้อง-ซ่งเหม่ยหลิง 宋美龄 ถือว่าเป็นคนที่มีบทบาทพลิกโลกอีกคนรองจากซ่งชิ่งหลิง และเป็นคนที่ “รักอำนาจ”เพราะเคยตั้งปณิธานว่า “ถ้าไม่ใช่ฮีโร่ไม่ขอแต่งด้วย” ฉะนั้นเมื่อเจอเจียงไคเชคมาจีบซึ่งขณะนั้นเจียงไคเชคเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียนทหารฮ๋วงผู่ อีกหน่อยทหารในประเทศจีนย่อมเป็นลูกศิษย์และอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา เช่นเดียวกับพี่ใหญ่ซ่งอ่ายหลิงก็ยุส่งอีกว่า หากซ่งเหม่ยหลิงแต่งงานกับเจียงไคเชคก็จะได้เป็นสตรีหมายเลยหนึ่งของประเทศ ขณะที่ตัวเขาเองได้แต่งงานกับบุรุษผู้ร่ำรวยที่สุดของประเทศแล้ว ส่วนซ่งชิ่งหลิงซึ่งแต่งงานกับดร.ซุน ก็มีบารมีและได้รับการเคารพยกย่องถึง “บิดาของชาติ”ถ้าลงเอยกันอย่างนั้นได้ ตระกูลซ่งก็จะเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ถึงกับสามารถเรียกได้ว่าเป็นราชวงศ์ตระกูลซ่ง 宋家皇朝 ทีเดียว
ในที่สุดครอบครัวตระกูลซ่งก็ยอมให้ลูกสาวคนเล็กแต่งงานกับเจียงไค-เชคผู้ซ่งมีลูกมีเมียแล้ว โดยให้เจียงไคเชคยอมรับเงื่อนไขสามประการของตระกูลคือ
1.จะต้องรักและไม่ทอดทิ้งซ่งเหม่ยหลิงตลอดจนชีวิตจะหาไม่
2.ต้องหย่าขาดกับภรรยาคนปัจจุบัน
3.จะต้องเปลี่ยนศาสนามาเป็นศาสนาคริสตร์ นิกายออโธด็อกซ์ เหมือนครอบครัวซ่ง
สามพี่น้องตระกูลซ่งวัยสาวรุ่น
สามพี่น้องตระกูลซ่งในวัยสาว
สาวน้องนุชคนสุดท้อง-ซ่งเหม่ยหลิง 宋美龄 ถือว่าเป็นคนที่มีบทบาทพลิกโลกอีกคนรองจากซ่งชิ่งหลิง และเป็นคนที่ “รักอำนาจ”เพราะเคยตั้งปณิธานว่า “ถ้าไม่ใช่ฮีโร่ไม่ขอแต่งด้วย” ฉะนั้นเมื่อเจอเจียงไคเชคมาจีบซึ่งขณะนั้นเจียงไคเชคเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียนทหารฮ๋วงผู่ อีกหน่อยทหารในประเทศจีนย่อมเป็นลูกศิษย์และอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา เช่นเดียวกับพี่ใหญ่ซ่งอ่ายหลิงก็ยุส่งอีกว่า หากซ่งเหม่ยหลิงแต่งงานกับเจียงไคเชคก็จะได้เป็นสตรีหมายเลยหนึ่งของประเทศ ขณะที่ตัวเขาเองได้แต่งงานกับบุรุษผู้ร่ำรวยที่สุดของประเทศแล้ว ส่วนซ่งชิ่งหลิงซึ่งแต่งงานกับดร.ซุน ก็มีบารมีและได้รับการเคารพยกย่องถึง “บิดาของชาติ”ถ้าลงเอยกันอย่างนั้นได้ ตระกูลซ่งก็จะเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ถึงกับสามารถเรียกได้ว่าเป็นราชวงศ์ตระกูลซ่ง 宋家皇朝 ทีเดียว
ในที่สุดครอบครัวตระกูลซ่งก็ยอมให้ลูกสาวคนเล็กแต่งงานกับเจียงไค-เชคผู้ซ่งมีลูกมีเมียแล้ว โดยให้เจียงไคเชคยอมรับเงื่อนไขสามประการของตระกูลคือ
1.จะต้องรักและไม่ทอดทิ้งซ่งเหม่ยหลิงตลอดจนชีวิตจะหาไม่
2.ต้องหย่าขาดกับภรรยาคนปัจจุบัน
3.จะต้องเปลี่ยนศาสนามาเป็นศาสนาคริสตร์ นิกายออโธด็อกซ์ เหมือนครอบครัวซ่ง
สามพี่น้องตระกูลซ่งวัยสาวรุ่น
สามพี่น้องตระกูลซ่งในวัยสาว
เมื่อเจียงไคเชคเริ่มศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิล ก็มีการตีความพระวจนะของพระเจ้าบางประโยค เพื่ออ้างความชอบธรรมในการนำไปเข่นฆ่าสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์
การที่ซ่งเหม่ยหลิงแต่งงานกับเจียงไคเชคถือว่าเป็นการประกาศตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพี่สาว-ซ่งชิ่งหลิง หลังจากที่เจียงไคเชคพ่ายแพ้แก่เหมาเจ๋อตง 毛泽东 เจียงไคเชคก็หอบพาเอาครอบครัวและพลพรรคไปตั้งหลักบนเกาะไต้หวัน จวบจนเจียงไคเชตตาย ซ่งเหม่ยหลิงก็อพยพไปใช่ชีวิตบั้นปลายในอพาร์ทเมนต์หรูหราแห่งหนึ่งในกรุงนิวยอร์ค จนเสียชีวิตเมื่อปี2003
ที่กล่าวมาทั้งหมดคงไม่ถือเป็นการรีวิวเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ แต่เป็นการกล่าวถึงประวัติความเป็นมา ที่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอย่างยิ่งการได้ดูหนังหลังจากที่รู้ถึงแก่นของความเป็นมาน่าจะทำให้การดูหนังได้รสชาติ และสนุกยิ่งขึ้น สำหรับแผ่นดีวีดีที่ได้มา เป็นฉบับ Director’s CutEdition ซึ่งมีความยาวประมาณ 145 นาที ยาวกว่าฉบับเดิม 10 นาที คุณภาพของภาพดีมาก คมชัด สะอาด ระบบเสียง Dolby Digital 5.1 เสียงซาวด์เอฟเฟคต์ดีมาก เสียอยู่นิดเดียวตรงเสียงพูดเบาไปหน่อย ในด้านภาพและเสียงผมให้ไปเลย 9 เต็ม 10 การเดินเรื่องเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ยืดเยื้อ ชวนติดตามไม่น่าเบื่อ
สำหรับแผ่นซีดีซาวด์แทรค ซึ่งมีออกมาทั้งแผ่นคอมเมิลเชียลธรรมดา (แต่บันทึกเสียงได้ค่อนข้างดี) และแผ่น SACD ด้วยฝีมือระดับKitaro คงเป็นยี่ห้อรับประกันได้ แต่ละเพลงที่แต่งมาประกอบในภาพยนตร์นั้น ได้บรรยากาศดีมาก ทั้งความเหงาในช่วงที่ซ่งชิ่งหลิงหนีไปอยู่รัสเซีย สนุกสนานในเพลง Waltz and War ในงานพิธีแต่งงานของซ่งเหม่ยหลิงกับเจียงไคเชค สำหรับแทรคที่ 5 มีละครบ้านเราเรื่อง “บ้านภูตะวัน” เคยนำมาประกอบในเรื่องด้วย
ถึงแม้พี่น้องตระกูลซ่งจะอำลาโลกไปแล้วก็ตาม แต่ภาวการณ์ต่อสู้ระหว่างพี่น้องหาได้สิ้นสุดลงไม่ เพียงแต่เปลี่ยนจากพี่น้องในตระกูลเดียวกันเป็นพี่น้องในชาติเดียวกัน คือจีนแผ่นดินใหญ่ (ผู้พี่) กับจีนไต้หวัน (ผู้-น้อง) ที่พยายามจะแยกตัวเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งแน่นอนถ้าเกิดขึ้นจริงย่อมต้องมีการเข่นฆ่ากันในระหว่างพี่น้องร่วมชาติดั่งสมัยเจียงไคเชคกับเหมาเจ๋อตง และนักศึกษาประชาชนในสมัยนั้นได้ออกมาเดินขบวนเรียกร้องยุติฆ่ากันเองโดยให้ร่วมมือกันสู้กับศัตรูภายนอกด้วยการชูคำขวัญว่า “คนจีนต้องไม่ฆ่าคนจีนด้วยกันเอง” หรือ 中国人不殺中国人
การที่ซ่งเหม่ยหลิงแต่งงานกับเจียงไคเชคถือว่าเป็นการประกาศตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพี่สาว-ซ่งชิ่งหลิง หลังจากที่เจียงไคเชคพ่ายแพ้แก่เหมาเจ๋อตง 毛泽东 เจียงไคเชคก็หอบพาเอาครอบครัวและพลพรรคไปตั้งหลักบนเกาะไต้หวัน จวบจนเจียงไคเชตตาย ซ่งเหม่ยหลิงก็อพยพไปใช่ชีวิตบั้นปลายในอพาร์ทเมนต์หรูหราแห่งหนึ่งในกรุงนิวยอร์ค จนเสียชีวิตเมื่อปี2003
ที่กล่าวมาทั้งหมดคงไม่ถือเป็นการรีวิวเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ แต่เป็นการกล่าวถึงประวัติความเป็นมา ที่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอย่างยิ่งการได้ดูหนังหลังจากที่รู้ถึงแก่นของความเป็นมาน่าจะทำให้การดูหนังได้รสชาติ และสนุกยิ่งขึ้น สำหรับแผ่นดีวีดีที่ได้มา เป็นฉบับ Director’s CutEdition ซึ่งมีความยาวประมาณ 145 นาที ยาวกว่าฉบับเดิม 10 นาที คุณภาพของภาพดีมาก คมชัด สะอาด ระบบเสียง Dolby Digital 5.1 เสียงซาวด์เอฟเฟคต์ดีมาก เสียอยู่นิดเดียวตรงเสียงพูดเบาไปหน่อย ในด้านภาพและเสียงผมให้ไปเลย 9 เต็ม 10 การเดินเรื่องเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ยืดเยื้อ ชวนติดตามไม่น่าเบื่อ
สำหรับแผ่นซีดีซาวด์แทรค ซึ่งมีออกมาทั้งแผ่นคอมเมิลเชียลธรรมดา (แต่บันทึกเสียงได้ค่อนข้างดี) และแผ่น SACD ด้วยฝีมือระดับKitaro คงเป็นยี่ห้อรับประกันได้ แต่ละเพลงที่แต่งมาประกอบในภาพยนตร์นั้น ได้บรรยากาศดีมาก ทั้งความเหงาในช่วงที่ซ่งชิ่งหลิงหนีไปอยู่รัสเซีย สนุกสนานในเพลง Waltz and War ในงานพิธีแต่งงานของซ่งเหม่ยหลิงกับเจียงไคเชค สำหรับแทรคที่ 5 มีละครบ้านเราเรื่อง “บ้านภูตะวัน” เคยนำมาประกอบในเรื่องด้วย
ถึงแม้พี่น้องตระกูลซ่งจะอำลาโลกไปแล้วก็ตาม แต่ภาวการณ์ต่อสู้ระหว่างพี่น้องหาได้สิ้นสุดลงไม่ เพียงแต่เปลี่ยนจากพี่น้องในตระกูลเดียวกันเป็นพี่น้องในชาติเดียวกัน คือจีนแผ่นดินใหญ่ (ผู้พี่) กับจีนไต้หวัน (ผู้-น้อง) ที่พยายามจะแยกตัวเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งแน่นอนถ้าเกิดขึ้นจริงย่อมต้องมีการเข่นฆ่ากันในระหว่างพี่น้องร่วมชาติดั่งสมัยเจียงไคเชคกับเหมาเจ๋อตง และนักศึกษาประชาชนในสมัยนั้นได้ออกมาเดินขบวนเรียกร้องยุติฆ่ากันเองโดยให้ร่วมมือกันสู้กับศัตรูภายนอกด้วยการชูคำขวัญว่า “คนจีนต้องไม่ฆ่าคนจีนด้วยกันเอง” หรือ 中国人不殺中国人
ภาพ ขงเสียงซี กับ ซ่งอ้ายหลิงหลิง ตัวจริงและจากภาพยนตร์
ภาพ ดร.ซุนยัดเซ็น กับ ซ่งชิงหลิง ตัวจริงและจากภาพยนตร์
ภาพ ดร.ซุนยัดเซ็น กับ ซ่งชิงหลิง ตัวจริงและจากภาพยนตร์
ภาพ เจียงไคเช็ค กับ ซ่งเหม่ยหลิง ตัวจริงและจากภาพยนตร์
ซ่งอ่ายหลิง 宋蔼龄่
ซ่งชิ่งหลิง 宋庆龄
ซ่งเหม่ยหลิง 宋美龄
บ้านเดิมของตระกูลซ่ง ซึ่งปัจจุบันทางรัฐบาลจีนอนุรักษ์ไว้โดยระบุว่าเป็นบ้านของสหายซ่งชิ่งหลิง 宋庆龄同志故居
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น